วันอังคารที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ความรู้เรื่อง พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550



    พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์  พ.ศ.2550

    พ.ร.บ. ฉบับนี้ประกาศในพระราชกิจจานุเบกษา  เมื่อวันที่ 18 มิ.ย. 2550 และมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ วันที่ 18 กรกฏาคม 2550 เป็นต้นไป

 

   ทำไมต้องมี พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์  

       เพราะคอมพิวเตอร์เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวัน มีการใช้คอมพิวเตอร์โดยมิชอบ  ส่งผลเสียต่อบุคคลอื่น  มีการใช้งานคอมพิวเตอร์ในการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือลามก อนาจารจึงต้องมีมาตรการควบคุม 

 

   ความผิดที่เข้าค่ายความผิดตาม พ.ร.บ. ฉบับนี้

        - การเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นโดยมิชอบ
        - การเปิดเผยข้อมูลมาตรการป้องกันการเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์  ที่ผู้อื่นจัดทําขึ้นเป็นการเฉพาะ
        - การเข้าถึงข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยไม่ชอบ
        - การดักรับข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้อื่น
        - การทําให้เสียหาย ทําลาย แก้ไข เปลี่ยนแปลง เพิ่มเติม
ข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยไม่ชอบ
        - การกระทําเพื่อให้การทํางานของระบบคอมพิวเตอร์ของผู้อื่น
ไม่สามารถทํางานได้ตามปกติ
        - การส่งข้อมูลคอมพิวเตอร์รบกวนการใช้ระบบคอมพิวเตอร์ของคนอื่น
โดยปกติสุข
        - การจําหน่ายชุดคําสั่งที่จัดทําขึ้นเพื่อนําไปใช้เป็นเครื่องมือ
ในการกระทําความผิด
        - การใช้ระบบคอมพิวเตอร์ทำความผิดอื่ํน ผู้ให้บริการจงใจสนับสนุนหรือยินยอมให้มีการกระทําความผิด
        - การตกแต่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่เป็นภาพของบุคคล

 

   ผู้ให้บริการที่ระบุใน พ.ร.บ. นี้ คือบุคคลใด

       ผู้ให้บริการตาม พ.ร.บ. ฉบับนี้จำแนกได้ 4 ประเภท ใหญ่ๆ  ดังนี้

          -ผู้ประกอบกิจการโทรคมนาคมไม่ว่าโดยระบบโทรศัพท์
ระบบดาวเทียม ระบบวงจรเช่า หรือบริการสื่อสารไร้สาย
          -ผู้ให้บริการการเข้าถึงระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์
ไม่ว่าโดยอินเทอร์เน็ตทั้งผ่านสายและไร้สาย
หรือในระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่จัดตั้งขึ้นในเฉพาะองค์กรหรือหน่วยงาน
          - ผู้ให้บริการเช่าระบบคอมพิวเตอร์  หรือให้เช่าบริการโปรแกรมประยุกต์ (Host Service
Provider)
          - ผู้ให้บริการข้อมูลคอมพิวเตอร์ผ่าน application ต่างๆ
ที่เรียกว่า content provider เช่นผู้ให้บริการ web board หรือ  web service เป็นต้น

   

   ข้อมูลของผู้ใช้บริการ

       ผู้ให้บริการทั้งที่เสียค่าบริการหรือไม่ก็ตาม  ต้องเก็บข้อมูลเท่าที่จําเป็นเพื่อให้สามารถระบุตัวผู้ใช้ บริการได้ไม่ว่าจะเป็นชื่อ นามสกุล เลขประจําตัวประชาชน USERNAME  หรือ PIN CODE ไว้ไม่น้อยกว่า 90 วัน  นับตังแต่การใช้บริการสิ้นสุดลง
       หากผู้ให้บริการไม่ได้เก็บข้อมูลผู้ใช้บริการไว้ถือว่าทําผิดและอาจถูกปรับสูงถึง 500,000 บาท
ต่อไปไม่ว่าจะไปใช้งานอินเทอร์เน็ตที่ตรงจุดใด จะต้องมีการแจ้งลงทะเบียนโดยต้องใส่ username
และ  password
เพือให้ผูู้ดูแลระบบเครือข่ายสามารถเก็บบันทึกการเข้ามาใช้งานของเราได้  
        รวมถึงเว็บบอร์ดทั้งหลาย ซึ่งมีผู้มาโพสเป็นจํานวน ร้อย-พัน รายต่อวัน เว็บมาสเตอร์ 
และผู้ดูแลโฮสติง  หรือผู้ทำอาชีพเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์  อาจเสียงต่อการระมัดระวัง ข้อความเหล่านั้นพระราชบัญญัตินี้ จะมีผลกระทบกับผู้ใช้คอมพิวเตอร์ อินเทอร์เน็ต โดยทั่วไป เพราะหากท่านทําให้เกิดการกระทําความผิดทางคอมพิวเตอร์  (ไม่ว่าจะบังเอิญหรือตั้งใจ)  ก็อาจจะมีผลกับท่าน และทีสําคัญ คือผู้ให้บริการ  ซึ่งรวมไปถึงหน่วยงานต่างๆทีเปิดบริการอินเทอร์เน็ตให้แก่ ผู้อื่น หรือกลุ่มพนักงาน นิสิต นักศึกษาในองค์กร ผู้รับผิดชอบมีหน้าที่ดูแลอย่างรอบคอบในฐานะ "ผู้ให้บริการ"      

 

   ผู้ใช้คอมพิวเตอร์และอินเตอร์เน็ต

       ในฐานะบุคคลธรรมดาไม่ควรกระทำสิ่งต่อไปนี้ เพราะอาจจะทำให้เกิด "เกิดการกระทำความผิด" ตาม พ.ร.บ. ฉบับนี้

          1. ไม่ควรบอก Password แก่ผู้อื่น
          2. อย่าให้ผู้อื่นยืมใช้เครื่องคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์เคลื่อนที่เพื่อเข้าเน็ต
          3. อย่าติดตั้งเครือค่ายระบบไร้สายในบ้านหรือที่ทำงาน โดยไม่ใช้มาตราการการตรวจสอบผู้ใช้งาน และการเข้ารหัสลับ
          4. อย่าเข้าสู่ระบบด้วย ID และ Password ที่ไม่ใช่ของท่านเอง
          5. อย่านำ user ID และ Password ของผู้อื่นไปใช้งานหรือเผยแพร่
          6. อย่าส่งต่อซึ่งภาพหรือข้อความ หรือภาพเคลื่อนไหวที่ผิดกฎหมาย
          7. อย่ากด "remember me" หรือ "remember password" ที่เครื่องคอมพิวเตอร์สาธารณะ และอย่า Log in เพื่อทำธุรกรรมทางการเงินที่เครื่องสาธารณะ
          8. อย่าใช้ WiFi (Wireless LAN) ที่เปิดให้ใช้ฟรี โดยปราศจากเข้ารหัสลับข้อมูล

 

   ความผิดทางอาญาตาม พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์

        1. เจ้าของไม่ให้เข้าระบบคอมพิวเตอร์ของเขาแล้วเราแอบเข้าไป จําคุก 6 เดือนหรือปรับไม่เกิน   10,000 บาท หรือทั้งจําทั้งปรับ
        2. ไปรู้วิธีการเข้าระบบคอมพิวเตอร์ของผู้อื่น แล้วไปยังไปบอกให้คนอื่นรู้ต่อ จําคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจําทั้งปรับ
        3. แอบไปเจาะข้อมูลของผู้อื่นที่เก็บไว้ในระบบคอมพิวเตอร์ จําคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจําทั้งปรับ
        4. แอบไปดักจับข้อมูลผู้อื่นระหว่ างการสื่อสารผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์ จําคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจําทั้งปรับ 
        5. ไปแก้ไขข้อมูลในระบบคอมพิวเตอร์ของผู้อื่น จําคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาทหรือทั้งจําทั้งปรับ
        6. ส่ง packet หรือ message หรือ virus หรือ trojan หรือ worm หรืออะไรก็ตามเข้าไปก่อกวนจนระบบผู้อื่น จําคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจําทั้งปรับ
        7. ส่งข้อมูลหรืออีเมลล์ให้ผู้อื่นซ้ำๆ โดยผู้รับไม่ได้ร้องขอ ปรับไม่เกิน 100,000 บาท
        8. ความผิดผิด ข้อ 5. กับ ข้อ 6. ทําให้บุคคลทั่วไปเกิดความเสียหาย จําคุกไม่เกิน 10 ปี และปรับไม่ เกิน 200,000 บาท หากก่อความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศ เศรษฐกิจ และสังคม จำคุกตั้งแต่ 3-5 ปี และปรับตั้งแต่ 60,000 -300,000 บาทและถ้าทําให้ใครตายก็จะเพิมโทษเป็ น จําคุกตังแต่ 10 ปี ถึง 20 ปี
        9. ถ้าเป็นผู้ผลิตซอฟต์แวร์เพื่อทําให้ทำความผิดในหลายข้อข้างต้น จําคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่ เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจําทั้งปรับ
        10. สร้างภาพโป๊ เรื่องเท็จ ทําการปลอมแปลง กระทําการใดๆที่กระทบความมั่นคง ก่อการร้าย และส่งต่อข้อมูลทั้งๆที่รู้ว่าผิดตามที่กล่าวมาข้างต้น จําคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจําทั้งปรับ
        11. เจ้าของเว็บ สนับสนุน / ยินยอมให้เกิดข้อ 10.จําคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,00 บาทหรือทั้งจําทั้งปรับ
        12. เอารูปผู้อื่นมาตัดต่อแล้วเอาไปเผยแพร่ในระบบคอมพิวเตอร์ จําคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจําทั้งปรับ
       
       

  



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น