วันอังคารที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2555

SkyDrive

 
           SkyDrive คือ พื้นที่สำหรับเก็บข้อมูลออนไลน์ของค่ายยักษ์ใหญ่แห่งวงการคอมพิวเตอร์ ซึ่งก็คือไมโครซอฟท์นั่นเอง สกายไดร์ฟถูกนำมาให้บริการได้พักใหญ่ๆ แล้วแหละ พอดีเพิ่งจะลองเข้าไปใช้บริการวันนี้ เลยถือโอกาสนำมาบอกกล่าวให้ได้ทราบด้วยว่าแจ่มไม่แจ่ม หรือไม่? อย่างไร?
           บริการนี้สำหรับคนที่มีบัญชีของไมโครซอฟท์ ไม่ว่าจะเป็น @hotmail.com, @msn.com, @windowslive.com ใช้ได้หมด ใครที่ยังไม่มีก็ต้องไปสมัครก่อน บทความนี้จะพูดถึง SkyDrive เลย ซึ่งนั่นก็หมายความว่าทุกท่านมีบัญชีของไมโครซอฟท์พร้อมอยู่แล้ว เมื่อพร้อมที่จะเข้าไปทดลองใช้งานด้วยกันก็คลิ๊กเลย ที่นี่! จากนั้นให้เลือก ลงชื่อเข้าใช้ ที่มุมบนด้านซ้ายมือ (ถ้าเขายังไม่เปลี่ยนตำแหน่งนะ)
          เมื่อเข้าสู่การใช้งานจะได้หน้าตาดังรูปที่นำมาให้ดู สำหรับบัญชีที่ยังไม่เคยลงชื่อเข้าใช้ในส่วน SkyDrive นี้ อาจมีการให้ยอมรับข้อตกลงก่อนทีจะเข้ามาสู่ส่วนของการใช้งานจริง ก็ต้องตอบยอมรับครับถึงจะใช้ SkyDrive ได้ ทาง SkyDrive จะเตรียมหมวดโฟลเดอร์ไว้ให้ใช้งาน 3 ประเภท คือ ส่วนบุคคล, ใช้งานร่วมกัน และสาธารณะ ก็ให้เลือกใช้ เลือกอัพโหลดไฟล์ไปเก็บไว้ได้ตามต้องการ ภายในโฟลเดอร์เหล่านั้นสามารถสร้างโฟลเดอร์ย่อยได้เพื่อให้สื่อความหมายถึง ข้อมูลที่จะเก็บ ไฟล์หรือโฟลเดอร์ทั้งหลายทั้งปวงทั้งที่มีอยู่และเราสร้างขึ้นและอัพโหลด ขึ้นไป พื้นที่ที่ SkyDrive อนุญาตให้ใช้ได้รวมแล้วไม่เกิน 5 กิกะไบต์ ซึ่งที่ด้านขวามือจะแสดงให้ทราบว่าพื้นที่เหลือเท่าไร ใช้ไปแล้วเท่าไร

          ความหมายหรือข้อจำกัดของการใช้ทั้ง 3 รายการ มีดังนี้

          ส่วนบุคคล : ใช้คอมพิวเตอร์หลายเครื่องใช่หรือไม่ ไม่เป็นปัญหาแต่อย่างใด คุณสามารถจัดเก็บและเข้าถึงไฟล์ส่วนบุคคลต่างๆ จากที่ใดก็ได้แบบออนไลน์
          ใช้งานร่วมกัน : แบ่งปันข้อมูลร่วมกับเพื่อน ผู้ร่วมงาน หรือครอบครัวได้อย่างง่ายดายเมื่อทุกคนเพิ่มและอัปเดตไฟล์ในโฟลเดอร์ที่ใช้งานร่วมกัน
          โฟลเดอร์สาธารณะ : อย่าเก็บความคิดดีๆ ไว้กับตัวคุณเพียงคนเดียว ร่วมแบ่งปันความคิดเหล่านี้ในโฟลเดอร์สาธารณะที่มีเพียงคุณเท่านั้นที่อัปเดตได้

          SkyDrive ถึงแม้จะมาทีหลังกว่าเจ้าอื่นๆ แต่ความน่าเชื่อถืออาจล้ำหน้ากว่า การใช้งานก็พร้อมใช้ได้เลยเนื่องผู้ใช้ทั่วไปมีบัญชีอยู่แล้ว รูปแบบที่ชัดเจนที่จัดเตรียมไว้ให้อาจเป็นที่ชื่นชอบสำหรับท่านที่ไม่ต้อง การความยุ่งยาก ลองใช้ดูนะ อาจมีอะไรแจ่มๆ มากกว่าที่ผมรู้
          จะว่าไปเจ้า Skydrive ก็ไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะ MSN ให้บริการนี้ในต่างประเทศให้ได้ใช้มาสักพักนึงแล้ว   และที่เปิดให้คนไทยใช้ตอนนี้ก็ถือว่าเร็วกว่าที่คิด  ทีนี้คนไทยจะได้มีที่เก็บไฟล์อย่างสบายใจสักที  แถมไม่ต้อง Register ใหม่ เพราะใช้ได้กับ Account Hotmail/IM ที่เรามีกันอยู่แล้ว และยังแชร์กับ Account Hotmail อื่นๆ ได้อีก

          Skydrive หรือเรียกเต็มๆ ว่า Windows Live Skydrive นั้นโดดเด่นที่ความจุถึง 5GB  ฟังดูเหมือนไม่เยอะ แต่พอเปรียบเทียบเป็นจำนวนไฟล์แล้วก็น่าตกใจเหมือนกัน เพราะ 5GB ที่ว่านี้  สามารถให้คุณเก็บ files office documents ได้ประมาณ 30,000 files หรือ เก็บภาพดิจิตอลได้ถึง 30,000 ภาพ!!!!   ไม่น้อยนะเนี่ย
           นอกจากขนาดบรรจุไฟล์ที่ให้กันฟรีๆ ถึง 5GB แล้ว  เจ้า Skydrive ยังมีฟีเจอร์ที่น่าสนใจอีก เช่น กระดานความคิดเห็น ใส่ข้อมูลประกอบไฟล์ หรือ่เลือกดูภาพดิจิตอลแบบขยายใหญ่ อันนี้เหมาะสำหรับคนที่ชอบแชร์รูปให้โหลดกัน
          ส่วนใครคิดจะแอบอัพโหลดไฟล์ใหญ่ๆ อย่างวิดีโอ หรือ โปรแกรมต่างๆ ก็นะอย่าเกิน 50MB     กัน เพราะมัน limit เอาไว้ไม่ให้เกิน 50MB ต่อไฟล์ อะถ้าสน log in ใช้กันได้เลยที่นี่
http://skydrive.live.com/

ที่มา:
http://www.go2kp.com/index.php/thai-bangkok-free-online-article-content-category/56-sky-drive-microsoft.html
เมื่อเข้ามาที่ SkyDrive จะมีโฟลเดอร์ Defult อยู่ 4 โฟลเดอร์
         ส่วนที่เป็น Document ที่เก็บไฟล์จะมีอยู่ มี 2 โฟลเดอร์ Documents กับ Public
Documents จะสามารถกำหนดสิทธิการเข้าถึงได้ ว่าจะอนุญาตใครบ้าง
Public จะเป็นไฟล์สาธารณะสามารถเข้าถึงได้ทุกคน
          ส่วนที่เป็น Favorites กับ Shared Favorites จะเป็นที่เก็บลิ้งค์รายการโปรด
Favorites Link รายการโปรดสามารถกำหนดสิทธิ์การเข้าถึงได้
Shared Favorites Link รายการโปรด ที่กำหนดสามารถเข้าถึงได้ทุกคน
          ส่วน Photo ด้านล่างจะเป็นรูปภาพที่อยู่ใน Space ของเราซึ่งใช้พื้นที่ส่วนนี้ในการเก็บไฟล์ด้วยเช่นกัน
ข้อดีคือ
1.             พื้นที่ฟรีถึง 25 GB (สุดยอด)
2.             สามารถเข้าถึงได้ทุกที่ที่เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต เหมือนมีที่เก็บไฟล์ออนไลน์
3.             ผู้อื่นสามารถใช้ไดร์ฟร่วมกับเราได้ (ต้องมี Account ของ Microsoft)
4.             สามารถกำหนดสิทธิ์ในการเข้าถึงไฟล์และโฟลเดอร์ของเพื่อนแต่ละคน
5.             สามารถกำหนดสิทธิ์เพื่อนแต่ละคนในการจัดการไฟล์ในโฟลเดอร์ได้
6.  แบ่งปันไฟล์กับผู้อื่นเป็นสาธารณะ
7.             สร้างโฟลเดอร์เองในไดร์ฟได้
8.             นำ URL และ Embed ไปใช้ในเว็บได้ เหมือนเป็นที่ฝากรูปฝากไฟล์
9.             ใช้งานง่ายเช่นเดียวกับหน้าต่างวินโดวส์


วันจันทร์ที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2555

โซเชี่ยว เน็ตเวิร์ค



 

ความหมายของโซเชี่ยวเน็ตเวิร์ค

social network   คือ   สังคมของโลกแห่งอินเตอร์เน็ท  หรือเรียกว่าสังคมของมนุษย์ที่ติดต่อสื่อสารกันด้วยเทคโนโลยีต่าง ๆ  ไม่ว่าจะเป็นทางด้านอินเตอร์เน็ท ทางโทรศัพท์ ทางโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม และอื่น ๆ ที่ไร้สาย
                ในโลกอินเทอร์เน็ตปัจจุบันนี้รูปแบบของเว็บไซต์ที่เป็น โซเชี่ยล เน็ตเวิร์คได้มีเพิ่มมากขึ้นอย่างมากมาย ซึ่งเว็บในรูปแบบของโซเชี่ยล เน็ตเวิร์ค คือ เว็บที่คุณสามารถ สร้างความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับเพื่อนได้ผ่านเว็บไซต์ในรูปแบบเชื่อมโยงเป็นโครงข่ายจาก เพื่อนสู่เพื่อน ทำให้ติดต่อสื่อสารกันสะดวกมากยิ่งขึ้นแต่ในทางกลับกันก็มีภัยด้านมืดของโซเชี่ยลเน็ตเวิร์คที่เกิดขึ้นอย่างไม่รู้ตัวการใช้งานโซเชียล เน็ตเวิร์ก ที่แพร่หลาย พบว่าผู้ใช้ส่วนใหญ่ที่เป็นนักเรียน  นักศึกษา  มีเพียง 4 ใน 100  คนที่รู้ด้านลบของการใช้ โซเชี่ยล เน็ตเวิร์ก  และรู้ว่าต้องใช้งานอย่างระมัดระวัง’  เป็นคำกล่าวของ ปริญญา หอมเอนก  นักวิชาการและกรรมการและเลขานุการ สมาคมความมั่นคงปลอดภัยระบบสารสนเทศ ปริญญา มองว่า กระแสโซเชี่ยล เน็ตเวิร์ก ที่มาแรงมากๆ แต่การเล่นโซเชี่ยล เน็ตเวิร์กกำลังกลายเป็นดาบสองคม   ถ้าใช้ไม่ระวังก็จะเป็นภัยกับตัวเอง  รวมทั้งองค์กร  โดยเฉพาะการทวิต หรือ โพสต์ข้อมูลที่อาจเป็นช่องโหว่ให้อาชญากรไซเบอร์  ใช้เป็นข้อมูลในการคุกคามผู้ใช้ได้ง่ายๆ   

กระแสและความรู้เกี่ยวกับสถานการณ์ของโซเชี่ยวเน็ตเวิร์คในปัจจุบัน

         ปัจจุบันกระแสการใช้งานโซเชียลเน็ตเวิร์คในสังคมประเทศไทยเริ่มมีอัตราการเติบโตที่สูงขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นเฟซบุ๊ค ทวิตเตอร์ ยูทูบ รวมทั้งการใช้งานสมาร์ทโฟนนั้นก็มีผลกระทบโดยตรงต่อการใช้งานที่ใช้งานมากขึ้นเนื่องจากในปัจจุบันพฤติกรรมของเด็กจนถึงผู้ใหญ่นั้น มักจะมีโทรศัพท์สมาร์ทโฟนที่พกพาในชีวิตประจำวัน รวมทั้งหลากหลายองค์กรไม่ว่าจะขนาดใหญ่ ขนาดกลาง และขนาดเล็ก ก็เริ่มหันมาใช้โซเชียลเน็ตเวิร์คเพื่อสร้างภาพลักษณ์ขององค์กรวมทั้งยังนำมาแบ่งปันกิจกรรมขององค์กร หรือหน่วยงานผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์คอย่างแพร่หลาย โดยที่ในขณะนี้เริ่มมีการปรับตัวมากยิ่งขึ้น และมีแนวโน้มว่าจะเป็นมีอัตราการเติบโตที่ขยายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการใช้งานดังกล่าวนี้นอกจากจะลดต้นทุนในการโฆษณาแล้วยังเป็นการช่วยสร้างการรับรู้ให้แก่สาธารณชนได้อย่างวงกว้าง
          นายมาร์ค เพนน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเบอร์สัน-มาร์สเตลเลอร์ ระบุไว้ว่า บริษัทได้เป็นที่ปรึกษาด้านประชาสัมพันธ์ชั้นนำของโลก ซึ่งได้ก่อตั้งมาเมื่อปี 2496 ที่นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา โดยยังเป็นผู้ให้บริการด้านประชาสัมพันธ์ชั้นนำระดับโลก บริษัทฯ ให้บริการวางกรอบแนวคิดเชิงกลยุทธ์และแผนงานประชาสัมพันธ์ในหลากหลายด้าน อาทิ ประชาสัมพันธ์ รัฐกิจสัมพันธ์ การสื่อสารในภาวะวิกฤติ และบริการสื่อสารเชิงกลยุทธ์ในสื่อออนไลน์ โดยทำให้ในปัจจุบัน บริษัทฯ ได้ดำเนินธุรกิจครอบคลุม 108 ประเทศใน 6 ทวีป ผ่านเครือข่ายบริษัทลูก 73 แห่ง และบริษัทในเครืออีก 83 แห่ง ที่ได้มีการสำรวจการใช้งานโซเชียลมีเดียของโลกเป็นปีที่ 3 โดยได้มีการสำรวจและเก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการใช้สื่อออนไลน์ของบริษัทใน Fortune Global 100 บนระบบทวิตเตอร์ เฟซบุ๊ค ยูทูบ กูเกิลพลัส และพินเทอเรสต์ โดยมีบริษัทที่เข้าร่วมการสำรวจจากภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก ซึ่งได้ถูกกล่าวถึงในสังคมออนไลน์รวม 10,400,132 ครั้งในช่วง 1 เดือน โดยผ่านทางทวิตเตอร์เป็นส่วนใหญ่ สำหรับการสำรวจโลกออนไลน์ครั้งล่าสุด เบอร์สัน-มาร์สเตลเลอร์ ยังได้นำข้อมูลใหม่จากบริษัท วิซิเบิล เทคโนโลยี่ส์ ซึ่งเป็นผู้นำในการให้บริการเทคโนโลยีการวิเคราะห์และติดตามผลข้อมูลทางโซเชียลมีเดียมาร่วมประมวลผลด้วย
          ทั้งนี้นับตั้งแต่ปี 2553 เป็นต้นมาบริษัทฯ ได้มองเห็นกระแสการใช้ช่องทางเหล่านี้ที่ได้พัฒนาจากเพียงแค่การเผยแพร่ข่าวเป็นการสร้างสรรค์เนื้อหา ตลอดจนการนำเนื้อหาในสื่อต้นฉบับเริ่มขยายตัวเข้ามาแบ่งปันกับผู้ติดตามทางทวิตเตอร์ เฟซบุ๊ค หรือยูทูบมากขึ้น โดยมีผู้ที่เข้ามาติดตามความเคลื่อนไหวของบริษัทใหญ่ๆ ในช่องทางออนไลน์อย่างใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น โดยพบว่าจำนวนผู้ติดตามทวิตเตอร์เฉลี่ยตั้งแต่ปี 2554 ได้เพิ่มขึ้นเกือบ 3 เท่า จาก 5,076 ราย เป็น 14,709 ราย/1 บัญชีทวิตเตอร์ของบริษัทที่ได้มีการใช่ช่องทางผ่านทวิตเตอร์ ส่วนเฟซบุ๊คของบริษัท ก็มีจำนวนกด ไลค์เฉลี่ยเพิ่มขึ้นร้อยละ 275 จากช่วงปี 2553 เป็นกว่า 152,646 ครั้งในปี 2555
         นอกจากนี้รายงานดังกล่าวยังได้ระบุอีกว่า ในปี 2555 บริษัทส่วนใหญ่ร้อยละ 87 ได้ใช้โซเชียลมีเดียอย่างน้อยหนึ่งช่องทางเพื่อสื่อสารกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย โดยพบว่ามีอัตราการใช้งานยูทูบเพิ่มขึ้นมากที่สุด โดยจำนวนบริษัทที่มีการใช้ช่องทางยูทูปบนเพิ่มขึ้นถึงกว่าร้อยละ 39 ดังนั้นในปี 2555 จึงได้มีบริษัทกว่าร้อยละ 79 ใช้ช่องยูทูบของตนเองในการสื่อสาร ซึ่งเมื่อเทียบกับในปี 2554 ที่มีเพียงร้อยละ 57 ในช่องทางดังกล่าว และมีอัตราการเข้าชมเฉลี่ยกว่า 2 ล้านครั้ง และมีสมาชิก 1,669 ราย
         แม้ว่าการใช้งานยูทูบจะเป็นช่องทางที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น แต่ทวิตเตอร์ก็ยังคงเป็นช่องทางการสื่อสารที่ได้รับความนิยมมากที่สุดสำหรับบริษัทและการพูดคุยที่มีการเอ่ยอ้างถึงบริษัทนั้นได้พบว่า ร้อยละ 82 ของบริษัทใน Fortune Global 100 เป็นสมาชิกทวิตเตอร์อย่างน้อยหนึ่งบัญชี/ บริษัท และได้รับการกล่าวถึง 55,970 ครั้งโดยเฉลี่ย ทั้งนี้ผลสำรวจได้มีการเปิดเผยไว้ว่า บริษัทใน Fortune Global 100 มีจำนวนบัญชีผู้ใช้ในแต่ละแพลตฟอร์มมากกว่าในอดีต โดยเฉลี่ยแต่ละบริษัทมีบัญชีทวิตเตอร์เฉลี่ย 10.1 บัญชี หน้าเฟซบุ๊ค 10.4 หน้า ช่องยูทูบเฉลี่ย 8.1 ช่อง หน้ากูเกิลพลัส 2.6 หน้า บัญชีพินเทอเรสต์ (Pinterest) 2.0 บัญชี, บริษัทที่เข้าร่วมการสำรวจครั้งนี้ร้อยละ 74 มีหน้าเฟซบุ๊คบริษัท 1 หน้า, หน้าเฟซบุ๊คของบริษัทร้อยละ 93 มีการอัพเดทข้อมูลเป็นประจำทุกสัปดาห์, บริษัทร้อยละ 48 เป็นสมาชิกของกูเกิลพลัส, บริษัทร้อยละ 25 มีบัญชีพินเทอเรสต์, หน้าเฟซบุ๊คบริษัทแต่ละหน้า มีผู้คนพูดถึงเฉลี่ย 6,101 ราย
         ด้านนายดัลลัส ลอว์เรนซ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลยุทธ์สื่อดิจิตอลทั่วโลกของเบอร์สัน-มาร์สเตลเลอร์ กล่าวว่า มีผู้คนต้องการมีปฏิสัมพันธ์และติดตามสื่อสารกับบริษัทชั้นนำระดับโลก ขณะที่แพลตฟอร์มเหล่านี้ทำหน้าที่เหมือนสะพานเชื่อมข้อมูลระหว่างองค์กรกับผู้คน สิ่งที่ทำให้น่าสนใจมากคือ บริษัทเหล่านี้มีการติดต่อสื่อสารและสานสัมพันธ์กับผู้ติดตามด้วย การศึกษาพบว่าบัญชีทวิตเตอร์องค์กรจำนวนร้อยละ 79 สร้างความสัมพันธ์ผ่านทวิตเตอร์ด้วยการรีทวีต รวมไปถึงส่งต่อข้อความ และการกล่าวถึง นอกจากนี้บริษัทกว่าร้อยละ 70 ที่มีเฟซบุ๊คก็มีตอบรับต่อความเห็นหรือข้อซักถามในหน้าวอลล์และไทม์ไลน์ของตนด้วย
        โดยทั้งนี้จะเห็นได้ว่า การใช้งานประเภทสื่อออนไลน์ และการใช้งานโซเชียลเน็ตเวิร์คได้ขยายได้เพื่อให้เกิดการเชื่อมต่อไปทั่วโลก รวมทั้งยังเป็นการช่วยให้เกิดการรับรู้และเรียนรู้ในรูปแบบใหม่มากขึ้น ซึ่งการใช้งานโซเชียลมีเดีย นี้หากผู้บริโภคนำไปใช้งานได้อย่างถูกต้อง เหมาะสม ก็จะเป็นประโยชน์ได้เป็นอย่างมาก ซึ่งเป็นบทสรุปได้เป็นอย่างดี ว่าทุกประเทศบนโลกนี้ได้เริ่มมีการปรับตัวรับโซเชียลเน็ตเวิร์ค เข้ามามีส่วนช่วยในชีวิตประจำวันได้อย่างเป็นประโยชน์

ประโยชน์ของโซเชี่ยวเน็ตเวิร์ค

       1. โซเชียลเน็ตเวิร์ก จะเป็นการสร้างเครือข่ายและจุดประกายด้านการศึกษาได้อย่างกว้างขวาง หากใช้ได้อย่างถูกวิธี
       2. ทำให้ไม่ตกข่าว คือทราบความคืบหน้า เหตุการณ์ของบุคคลต่างๆและผู้ที่ใกล้ชิด
       3. ผู้ใช้สามารถสร้างเครือข่ายทางสังคม แฟนคลับหรือผู้ที่มีเป้าหมายเหมือนกัน และทำงานให้สำเร็จลุล่วงไปได้
       4. สามารถสร้างมิตรแท้ หรือเพื่อนที่รู้ใจที่แท้จริงได้
       5. โซเชียลเน็ตเวิร์ก เป็นซอฟแวร์ที่เอื้อต่อผู้ที่มีปัญหาในการปรับตัวทางสังคม ขาดเพื่อน อยู่โดดเดี่ยว หรือผู้ที่ไม่สามารถออกจากบ้านได้ ให้มีเครือข่ายทางสังคม และเติมเต็มชีวิตทางสังคมได้อย่างดี ไม่เหงาและปรับตัวได้ง่ายขึ้น
       6. สร้างเครือข่ายที่ดี สร้างความเห็นอกเห็นใจ และให้กำลังใจที่ดีแก่ผู้อื่นได้

โทษของโซเชี่ยวเน็ตเวิร์ค

        1. โซเชียลเน็ตเวิร์ก เป็นการขยายเครือข่ายทางสังคมในโลกอินเตอร์เนต ดังนั้นการมีเพิ่มเพื่อนเครือข่ายที่ไม่รู้จักดีพอ จะทำให้เกิดการลักลอบขโมยข้อมูล หรือการแฝงตัวของขบวนการหลอกลวงต่างๆได้
     
       2. เพื่อน ทุกคนในเครือข่ายสามารถเขียนข้อความต่างๆลง Wall ของ โซเชียลเน็ตเวิร์ก ได้แต่หากเป็นข้อความที่เป็นความลับ การใส่ร้ายกัน หรือแฝงไว้ด้วยการยั่วยุต่างๆ จะทำให้ผู้อ่านที่ไม่มีวุฒิภาวะพอ หลงเชื่อ เกิดความขัดแย้ง และปัญหาตามมาในภายหลังได้
     
       3. โซเชียลเน็ตเวิร์ก อาจเป็นช่องทางในการสร้างสังคมแห่งการนินทา หรือการยุ่งเรื่องส่วนตัวของผู้อื่นโดยใช่เหตุ โดยเฉพาะสังคมที่ชอบสอดรู้สอดเห็น
     
       4. การเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวทั้งหมดให้กับบุคคลภายนอกที่ไม่รู้จักดีพอ เช่นการลงรูปภาพของครอบครัวหรือลูก อาจนำมาเรื่องปัญหาการปลอมตัว หรือการหลอกลวงอื่นๆที่คาดไม่ถึงได้
     
       5. เด็กๆที่ใช้เวลาในการเล่น โซเชียลเน็ตเวิร์ก มากเกินไป จะทำให้เสียการเรียน
     
       6. ในการสร้างความผูกพันและการปรับตัวทางสังคมเป็นการพบปะกันในโลกของความจริง มากกว่าในโลกอินเตอร์เนต ดังนั้นผู้อยู่ในโลกของไซเบอร์มากเกินไปอาจทำให้มีปัญหาทางจิต หรือขาดการปรับตัวทางสังคมที่ดี โดยเฉพาะผู้ที่ชอบเล่น โซเชียลเน็ตเวิร์ก ตั้งแต่ยังเด็ก
     
       7. โซเชียลเน็ตเวิร์ก อาจเป็นแรงขับให้มีการพบปะทางสังคมในโลกแห่งความเป็นจริงที่น้อยลงได้ เนื่องจากทราบความเคลื่อนไหวของผู้ที่อยู่ในเครือข่ายอย่างตลอดเวลา
     
       8. นโยบาย ของบางโรงเรียน บางมหาวิทยาลัย บางครอบครัวหรือในบางประเทศมีปัญหามากมายที่เกิดจากโซเชียลเน็ตเวิร์ก ทำให้ โซเชียลเน็ตเวิร์ก ไม่ได้รับการอนุญาตให้มีในหลายพื้นที่
     
จึงกล่าว ได้ว่าผู้ปกครองควรเอาใจใส่ลูกหลานของท่านที่อยู่ในช่วงวัยรุ่นซึ่งนิยมท่อง โลกอินเตอร์เน็ต ให้มีความระมัดระวังและมีวิจารณญาณในการเล่นโซเชียลเน็ตเวิร์กมากยิ่งขึ้น เพราะ โซเชียลเน็ตเวิร์กนั้นเป็นทั้งสื่อที่มีทั้งคุณอนันต์และโทษมหันต์ในเวลาเดียวกัน


วันอังคารที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ความรู้เรื่อง พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550



    พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์  พ.ศ.2550

    พ.ร.บ. ฉบับนี้ประกาศในพระราชกิจจานุเบกษา  เมื่อวันที่ 18 มิ.ย. 2550 และมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ วันที่ 18 กรกฏาคม 2550 เป็นต้นไป

 

   ทำไมต้องมี พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์  

       เพราะคอมพิวเตอร์เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวัน มีการใช้คอมพิวเตอร์โดยมิชอบ  ส่งผลเสียต่อบุคคลอื่น  มีการใช้งานคอมพิวเตอร์ในการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือลามก อนาจารจึงต้องมีมาตรการควบคุม 

 

   ความผิดที่เข้าค่ายความผิดตาม พ.ร.บ. ฉบับนี้

        - การเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นโดยมิชอบ
        - การเปิดเผยข้อมูลมาตรการป้องกันการเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์  ที่ผู้อื่นจัดทําขึ้นเป็นการเฉพาะ
        - การเข้าถึงข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยไม่ชอบ
        - การดักรับข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้อื่น
        - การทําให้เสียหาย ทําลาย แก้ไข เปลี่ยนแปลง เพิ่มเติม
ข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยไม่ชอบ
        - การกระทําเพื่อให้การทํางานของระบบคอมพิวเตอร์ของผู้อื่น
ไม่สามารถทํางานได้ตามปกติ
        - การส่งข้อมูลคอมพิวเตอร์รบกวนการใช้ระบบคอมพิวเตอร์ของคนอื่น
โดยปกติสุข
        - การจําหน่ายชุดคําสั่งที่จัดทําขึ้นเพื่อนําไปใช้เป็นเครื่องมือ
ในการกระทําความผิด
        - การใช้ระบบคอมพิวเตอร์ทำความผิดอื่ํน ผู้ให้บริการจงใจสนับสนุนหรือยินยอมให้มีการกระทําความผิด
        - การตกแต่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่เป็นภาพของบุคคล

 

   ผู้ให้บริการที่ระบุใน พ.ร.บ. นี้ คือบุคคลใด

       ผู้ให้บริการตาม พ.ร.บ. ฉบับนี้จำแนกได้ 4 ประเภท ใหญ่ๆ  ดังนี้

          -ผู้ประกอบกิจการโทรคมนาคมไม่ว่าโดยระบบโทรศัพท์
ระบบดาวเทียม ระบบวงจรเช่า หรือบริการสื่อสารไร้สาย
          -ผู้ให้บริการการเข้าถึงระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์
ไม่ว่าโดยอินเทอร์เน็ตทั้งผ่านสายและไร้สาย
หรือในระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่จัดตั้งขึ้นในเฉพาะองค์กรหรือหน่วยงาน
          - ผู้ให้บริการเช่าระบบคอมพิวเตอร์  หรือให้เช่าบริการโปรแกรมประยุกต์ (Host Service
Provider)
          - ผู้ให้บริการข้อมูลคอมพิวเตอร์ผ่าน application ต่างๆ
ที่เรียกว่า content provider เช่นผู้ให้บริการ web board หรือ  web service เป็นต้น

   

   ข้อมูลของผู้ใช้บริการ

       ผู้ให้บริการทั้งที่เสียค่าบริการหรือไม่ก็ตาม  ต้องเก็บข้อมูลเท่าที่จําเป็นเพื่อให้สามารถระบุตัวผู้ใช้ บริการได้ไม่ว่าจะเป็นชื่อ นามสกุล เลขประจําตัวประชาชน USERNAME  หรือ PIN CODE ไว้ไม่น้อยกว่า 90 วัน  นับตังแต่การใช้บริการสิ้นสุดลง
       หากผู้ให้บริการไม่ได้เก็บข้อมูลผู้ใช้บริการไว้ถือว่าทําผิดและอาจถูกปรับสูงถึง 500,000 บาท
ต่อไปไม่ว่าจะไปใช้งานอินเทอร์เน็ตที่ตรงจุดใด จะต้องมีการแจ้งลงทะเบียนโดยต้องใส่ username
และ  password
เพือให้ผูู้ดูแลระบบเครือข่ายสามารถเก็บบันทึกการเข้ามาใช้งานของเราได้  
        รวมถึงเว็บบอร์ดทั้งหลาย ซึ่งมีผู้มาโพสเป็นจํานวน ร้อย-พัน รายต่อวัน เว็บมาสเตอร์ 
และผู้ดูแลโฮสติง  หรือผู้ทำอาชีพเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์  อาจเสียงต่อการระมัดระวัง ข้อความเหล่านั้นพระราชบัญญัตินี้ จะมีผลกระทบกับผู้ใช้คอมพิวเตอร์ อินเทอร์เน็ต โดยทั่วไป เพราะหากท่านทําให้เกิดการกระทําความผิดทางคอมพิวเตอร์  (ไม่ว่าจะบังเอิญหรือตั้งใจ)  ก็อาจจะมีผลกับท่าน และทีสําคัญ คือผู้ให้บริการ  ซึ่งรวมไปถึงหน่วยงานต่างๆทีเปิดบริการอินเทอร์เน็ตให้แก่ ผู้อื่น หรือกลุ่มพนักงาน นิสิต นักศึกษาในองค์กร ผู้รับผิดชอบมีหน้าที่ดูแลอย่างรอบคอบในฐานะ "ผู้ให้บริการ"      

 

   ผู้ใช้คอมพิวเตอร์และอินเตอร์เน็ต

       ในฐานะบุคคลธรรมดาไม่ควรกระทำสิ่งต่อไปนี้ เพราะอาจจะทำให้เกิด "เกิดการกระทำความผิด" ตาม พ.ร.บ. ฉบับนี้

          1. ไม่ควรบอก Password แก่ผู้อื่น
          2. อย่าให้ผู้อื่นยืมใช้เครื่องคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์เคลื่อนที่เพื่อเข้าเน็ต
          3. อย่าติดตั้งเครือค่ายระบบไร้สายในบ้านหรือที่ทำงาน โดยไม่ใช้มาตราการการตรวจสอบผู้ใช้งาน และการเข้ารหัสลับ
          4. อย่าเข้าสู่ระบบด้วย ID และ Password ที่ไม่ใช่ของท่านเอง
          5. อย่านำ user ID และ Password ของผู้อื่นไปใช้งานหรือเผยแพร่
          6. อย่าส่งต่อซึ่งภาพหรือข้อความ หรือภาพเคลื่อนไหวที่ผิดกฎหมาย
          7. อย่ากด "remember me" หรือ "remember password" ที่เครื่องคอมพิวเตอร์สาธารณะ และอย่า Log in เพื่อทำธุรกรรมทางการเงินที่เครื่องสาธารณะ
          8. อย่าใช้ WiFi (Wireless LAN) ที่เปิดให้ใช้ฟรี โดยปราศจากเข้ารหัสลับข้อมูล

 

   ความผิดทางอาญาตาม พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์

        1. เจ้าของไม่ให้เข้าระบบคอมพิวเตอร์ของเขาแล้วเราแอบเข้าไป จําคุก 6 เดือนหรือปรับไม่เกิน   10,000 บาท หรือทั้งจําทั้งปรับ
        2. ไปรู้วิธีการเข้าระบบคอมพิวเตอร์ของผู้อื่น แล้วไปยังไปบอกให้คนอื่นรู้ต่อ จําคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจําทั้งปรับ
        3. แอบไปเจาะข้อมูลของผู้อื่นที่เก็บไว้ในระบบคอมพิวเตอร์ จําคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจําทั้งปรับ
        4. แอบไปดักจับข้อมูลผู้อื่นระหว่ างการสื่อสารผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์ จําคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจําทั้งปรับ 
        5. ไปแก้ไขข้อมูลในระบบคอมพิวเตอร์ของผู้อื่น จําคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาทหรือทั้งจําทั้งปรับ
        6. ส่ง packet หรือ message หรือ virus หรือ trojan หรือ worm หรืออะไรก็ตามเข้าไปก่อกวนจนระบบผู้อื่น จําคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจําทั้งปรับ
        7. ส่งข้อมูลหรืออีเมลล์ให้ผู้อื่นซ้ำๆ โดยผู้รับไม่ได้ร้องขอ ปรับไม่เกิน 100,000 บาท
        8. ความผิดผิด ข้อ 5. กับ ข้อ 6. ทําให้บุคคลทั่วไปเกิดความเสียหาย จําคุกไม่เกิน 10 ปี และปรับไม่ เกิน 200,000 บาท หากก่อความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศ เศรษฐกิจ และสังคม จำคุกตั้งแต่ 3-5 ปี และปรับตั้งแต่ 60,000 -300,000 บาทและถ้าทําให้ใครตายก็จะเพิมโทษเป็ น จําคุกตังแต่ 10 ปี ถึง 20 ปี
        9. ถ้าเป็นผู้ผลิตซอฟต์แวร์เพื่อทําให้ทำความผิดในหลายข้อข้างต้น จําคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่ เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจําทั้งปรับ
        10. สร้างภาพโป๊ เรื่องเท็จ ทําการปลอมแปลง กระทําการใดๆที่กระทบความมั่นคง ก่อการร้าย และส่งต่อข้อมูลทั้งๆที่รู้ว่าผิดตามที่กล่าวมาข้างต้น จําคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจําทั้งปรับ
        11. เจ้าของเว็บ สนับสนุน / ยินยอมให้เกิดข้อ 10.จําคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,00 บาทหรือทั้งจําทั้งปรับ
        12. เอารูปผู้อื่นมาตัดต่อแล้วเอาไปเผยแพร่ในระบบคอมพิวเตอร์ จําคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจําทั้งปรับ
       
       

  



ความรู้เรื่อง Search engine




Search engine


เทคนิคการค้นหาโดยใช้คำสําคัญ (keyword)
 1  คําสําคัญทีเป็นภาษาไทย
      2  คําสําคัญทีเป็นภาษาอังกฤษ
        3  คําสําคัญทีมีทั้ง 2 ภาษาปนกัน

1) คําสําคัญทีเป็นภาษาไทย
   ต้องการค้นหาข้อมูลเกียวกับ นักคณิตศาสตร์
คําสําคัญอันดับแรก คือ นักคณิตศาสตร์
แต่อาจดูกว้างไป และผลการค้นหาก็มากเกินไปหลายสิบหน้า
ดังนันจึงต้องจํากัดผลการค้นหาให้แคบลง
เช่นต้องการข้อมูลเกี่ยวกับนักคณิตศาสตร์ชาวกรีก
คําสําคัญทีใช้ ได้แก่ นักคณิตศาสตร์ และคําว่า กรีก
จะได้ผลการค้นหาจํานวนน้อยลง ง่ายที่เราจะเลือกลิงค์ที่ต้องการได้
    ในกรณีทคําสําคัญนั้นแสดงผลการค้นหาว่า
ไม่พบข้อมูลที่ต้องการ ให้ลองเปลียนคําสําคัญใหม่ไปเรือยๆ
คําสําคัญควรระบุอย่างน้อย 2 คํา จะทําให้ผลการค้นหาแคบลง
เท่าทีต้องการ

2) คําสําคัญทีเป็นภาษาอังกฤษ
   ถ้าต้องการข้อมูลเกียวกับนักคณิตศาสตร์ชาวกรีก
เป็นภาษาอังกฤษ คําสําคัญ คําแรก อาจใช้
greek mathematician
และถ้าใช้เครื่องหมาย “  ” คร่อมระหว่างคําสําคัญคู่ใดๆ
ผลการค้นหาจะแตกต่างกัน
“greek mathematician”

3) คําสําคัญทีเป็นภาษาไทยปนภาษาอังกฤษ
เช่น ต้องการเนื้อหาเกี่ยวกับเรื่อง ไฟฟ้ากระแส คําสําคัญทีใช้ได้ เช่น
           1) ไฟฟ้ากระแสตรง “direct current”
            2) “direct current” ไฟฟ้า กระแสตรง
 3) “direct current” เนือหา ฯลฯ


การใช้คำสําคัญในทางตรรกศาสตร์
คําในวิชาตรรกศาสตร์ที่ใช้ ได้แก่ AND OR NOT

วิธีการใช้งานมีดังนี
1. AND ใช้เมื่อต้องการให้ผลการค้นหา
ประกอบด้วยคําสําคัญทีอยู่ติดกับคําว่า AND ทั้งสองคํา
เช่ น “chemistry” AND “atomic theory”
หมายความว่าให้ค้นหาข้อมูลทีมีคำว่า chemistry และคําว่า 
atomic theory ทั้ง 2 คําอยู่ในเอกสารเดียวกัน

2. OR ใช้เมื่อต้องการให้ ผลการค้นหา
ประกอบด้วยคําสําคัญตัวใดตัวหนึ่งทีอยู่ติดกับคําว่า OR
เช่น “physics” OR “mechanics”
หมายความว่าให้ค้นหาข้อมูลทีมีคำว่า physics หรือ mechanics
คําใดคําหนึ่งก็ได้
การใช้คำสําคัญในทางตรรกศาสตร์

3. NOT ใช้เมือต้องการให้ผลการค้นหา
ประกอบด้วยคําสําคัญทีอยู่หน้าคําว่า NOT แต่ไม่ต้องค้นหา
คําทีอยู่หลังคําว่า NOT
เช่น mathematics NOT calculus
หมายความว่าให้ค้นหาข้อมูลทีมีคำว่า mathematics
แต่ต้องไม่มีคำว่า calculus อยู่ด้วย
บีบประเด็นหัวข้อเรื่องทีต้องการค้นหาให้แคบลง เช่น
ต้องการค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ซึงอาจจะใช้คำว่า
คอมพิวเตอร์ หรือ Computer และควรค้นหาคําและ
ที่มีความหมายใกล้เคียงกับคําทีกําลังค้นหาด้วย เช่น
information technology หรือ IT เป็นต้น
เลี่ยงการใช้คำค้นหาที่เป็นคําเดียวๆ หรือเป็นคําทีมีตัวเลขปน
แต่ ถ้าเลี่ยงไม่ได้ให้ใส่ เครื่องหมายคําพูด (" ") ลงไปด้วย เช่น
"windows 98"
ใช้ เครืองหมาย + และ - เพื่อช่วยในการค้นหา
โดย + ใช้ กับคําที่ต้องการใช้ในการค้นหา และ - ใช้ กับคําที่
ไม่ต้องการในการค้นหา
เครื่องหมาย "+" หมายถึง การระบุให้ ผลลัพธ์ ของการค้นหา
ต้องมีคำนั้นปรากฏอยู่ในหน้าเว็บเพจ
การใช้เครื่องหมายบวกต้องพิมพ์ติดกับคําหลักเสมอ
ไม่ควรมีช่องว่างระหว่างเครื่องหมายบวกกับคําหลัก
เช่น +เศรษฐกิจ +การเมือง
หมายถึง หน้าเว็บเพจทีค้นได้จะปรากฏ
คําว่า "เศรษฐกิจ" และ "การเมือง" อยู่ในหน้าเดียวกันทั้งสองคํา
หรือ +เศรษฐกิจ การเมือง
โดยคําว่า "การเมือง" ไม่มีเครื่องหมายบวก "+"
หมายถึง การค้นหาหน้าเว็บเพจที่มีคําว่า " เศรษฐกิจ"
โดยในหน้าเอกสารนั้นอาจจะปรากฏหรือไม่ปรากฏ
คําว่า "การเมือง" ก็ได้
ครื่องหมายลบ "-" หมายถึง
เป็นการระบุให้ ผลลัพธ์ ของการค้นหาต้องไม่ ปรากฏคํานั้น
อยู่ในหน้าเว็บเพจ
เช่น โรงแรม -รีสอร์ท หมายถึง หน้าเว็บเพจนั้นต้องมีคำว่า
โรงแรม แต่ ต้องไม่ ปรากฏคําว่า รีสอร์ท อยู่
การใช้งานต้องอยู่ในรูปของ A -B หรือ +A -B โดย A และ B
เป็นคําหลักที่ต้องการค้นหา
ตัวอย่าง +มะม่วง -มะม่วงอกร่อง -มะม่วงน้าดอกไม้
หมายถึง หน้าเว็บเพจทีพบจะต้องปรากฏคําว่า "มะม่วง"
แต่ ต้องไม่ ปรากฏคําว่า "มะม่วงอกร่อง" และ "มะม่วงน้าดอกไม้ "
อยู่ในหน้าเดียวกัน